คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนาจัดสัมมนา เรื่อง "หลักการทำความดีของศาสนาต่าง ๆ "

๒๘ ก.พ. ๕๘ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนา จัดสัมมนา เรื่อง "หลักการทำความดีของศาสนาต่าง ๆ" เพื่อเผยแพร่หลักการทำความดีของศาสนาต่างๆทั้ง5ศาสนาที่ทางราชการรับรอง คือ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการทำความดีของแต่ละศาสนา จนนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อส่งเสริมของมั่นคงของศาสนาและของชาติ โดยมีนายสมพร เทพสิทธา ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนา เป็นประธานกล่าวเปิดสัมมนา พร้อมทั้งอภิปรายเรื่อง หลักการทำความดีของศาสนาต่างๆ โดยยืนยันว่า ศาสนาทั้ง5ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว แม้จะเคยมีปัญหาระหว่างศาสนาแต่อยู่ได้ด้วยความสามัคคี ขณะที่ปัจจุบัน คนเหินห่างจากศาสนามากขึ้นและมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่ต้องการนับถือศาสนา ซึ่งเป็นภัยที่น่ากลัว ดังนั้น ถือเป็นโอกาสของทุกศาสนาจะต้องร่วมกันทำความดีเพื่อสร้างความสงบสุขต่อประเทศและเกิดสันติภาพอย่างถาวร รวมทั้งเพื่อถวายเป็นพะราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งนำไปสู่การปฏิรูปศาสนา แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจะไม่มีการบัญญัติเรื่องการปฏิรูปศาสนา แต่ศาสนาก็ได้เข้าไปอยู่ในการปฏิรูปทุกด้านอยู่แล้ว จากนั้น มีผู้ร่วมอภิปรายจากหน่วยงานด้านศาสนาแต่ละศาสนาร่วมอภิปราย อาทิ ศาสตราจารย์ดร.จรัญ มะลูลีม อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะเกิดสถานการณ์ความรุนแรงหรือการก่อการร้าย รวมทั้งการขยายตัวของสังคมนั้น ศาสนายังคงอยู่ เพื่อควบคุมคนไม่ให้หลงใหลไปตามกระแสสังคมมากเกินไป อีกทั้งควรสนับสนุนเรื่องจิตใจสาธารณะเพื่อให้มนุษย์เกิดความสงบสุข ทั้งนี้ ผู้ร่วมอภิปรายส่วนใหญ่มีความเห็นเดียวกันในหลายประเด็น อาทิ การเฝ้าระวังกลุ่มที่ไม่ต้องการนับถือศาสนาและใช้ความรุนแรงหรือการก่อการร้ายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยถึงเวลาที่ทุกศาสนาจะใช้หลักคำสอนที่แต่ละศาสนาบัญญัติไว้มาปฏิบัติในการทำความดี/การเฝ้าระวังวิกฤติความศรัทธาต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลให้เกิดการละเลยศาสนา/สนับสนุนและเผยแพร่การทำความดีให้ประจักษ์/ไม่ต้องการให้การเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาศาสนา เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกของสังคมมากขึ้น /และสนับสนุนให้เกิดศาสนิกสัมพันธ์โดยภาคประชาชน